Anti-Aging 4 สาร บอกลาริ้วรอย ย้อนวัยผิว

Last updated: 28 เม.ย 2566  |  7034 จำนวนผู้เข้าชม  | 

Anti-Aging 4 สาร บอกลาริ้วรอย ย้อนวัยผิว

     ผิวของเราเริ่มแสดงสัญญาณความแก่เมื่ออายุ 25 ปี เริ่มต้นด้วยริ้วรอยเล็กๆ ตรงร่องแก้ม หรือรอยตีนกาที่อยู่ตรงหางตาของเรา การแสดงอารมณ์ผ่านทางสีหน้าก็สามารถสร้างริ้วรอยได้เช่นกัน สังเกตุได้ชัดเจนจากหน้าผาก จะมีริ้วรอยเล็กๆ และจะชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ และอายุที่มากขึ้นจนถึง 50 ปี จากริ้วรอยตื้นๆ ก็จะกลายเป็นริ้วรอยล่องลึก มีผิวหย่อนคล้อยและเสียรูปทรง เนื่องจากผิวเริ่มแก่ตัวลงเพราะสูญเสียความกระชับและความยืดหยุ่น นอกจากนี้ความชุ่มชื้นของผิวลดลง ผิวแห้ง ไม่กระจ่างใส

     วันนี้ TNP COSMECEUTICAL ขอแนะนำ 4 สารบอกลาริ้วรอย ย้อยวัยให้ผิวกลับมาอ่อนเยาว์ ติดตามอ่านกันได้เลยค่ะ


     แม้ว่าแสงแดดจะมีความสำคัญสำหรับเรา แต่การได้รับแสงแดดที่รุนแรงและสะสมทุกวันสามารถทำลายผิวและทำให้ผิวแก่ก่อนวัยได้ ในแสงแดดมีรังสีหลายชนิดแตกต่างกันไปตามความยาวคลื่น รังสีที่ทำอันตรายแก่ผิว เช่น รังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet Radiation) หรือรังสียูวี (UV) แบ่งแยกย่อยเป็น UVA-I, UVA-II, UVB, UVC โดยรังสี UVA มีสัดส่วนมากถึง 95% รังสี UVB มี 5% ส่วนรังสี UVC ถูกชั้นโอโซนดูดซับไว้  รังสี UV ส่วนน้อยจะสะท้อนออกจากผิวและส่วนใหญ่จะถูกผิวดูดซับไว้ รังสี UVB จะทะลุได้ถึงผิวชั้นนอกเท่านั้น ในขณะที่รังสี UVA ทะลุได้ถึงผิวหนังแท้

     เมื่อผิวสัมผัสกับรังสียูวี การสังเคราะห์เมลานินจะเกิดขึ้น เมลานินเป็นเม็ดสีน้ำตาลหรือสีดำที่ผลิตในเมลาโนโซมและช่วยปกป้องผิวจากการทำลายของแสงแดด แต่ยิ่งผิวโดนแสงมากขึ้นก็ยิ่งกระตุ้นให้เกิดการผลิตเม็ดสีให้มากยิ่งขึ้น สีผิวจะยิ่งเข้มขึ้นจนเกิดเป็นกระได้ คนที่มีผิวขาวและบอบบาง ผิวจะแก่เร็วกว่าคนที่มีผิวสีเข้ม เนื่องจากคนผิวขาวเม็ดสีน้อยกว่าคนผิวสีเข้ม ผิวจึงทนต่อรังสียูวีได้น้อยกว่า และหากอยู่กลางแดดนานโอกาสที่ผิวเกิดการแพ้แดดหรือไหม้แดดก็จะมีมากกว่าเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นรังสียูวีมีผลกระทบกับทุกโทนสีผิว และมีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งได้ 

     ครีมกันแดดช่วยปกป้องผิวจากอันตรายของรังสียูวี สารออกฤทธิ์ที่มีอยู่ในครีมกันแดดช่วยสะท้อนและกระจายรังสียูวีที่เป็นอันตรายหรือดูดซับไว้ การใช้กันแดดที่มีค่า SPF สูง ช่วยป้องกันรังสียูวีได้นานขึ้น เลือกกันแดดที่ครอบคลุมทั้งรังสี UVA และ UVB ค่า SPF 15 ถึง 50 ค่า PA 2+ (++) ถึง 4+ (++++) และทากันแดดทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน 15-30 นาที

ผลกระทบจากรังสียูวี: ผิวไหม้แดด ผิวแพ้แดด ผิวแก่ก่อนวัย เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนัง

สารกันแดดฟิสิคอล (Physical Sunscreen): Titanium Dioxide และ Zinc Oxide

     สารกันแดดกายภาพ หรือ Mineral Sunscreen สารกันแดดที่ได้จากสินแร่ มีความปลอดภัยสูงสุด และให้ความเสถียรสามารถทนรังสียูวีได้ยาวนาน ไม่เสื่อมสภาพง่าย มีดัชนีการหักเหแสงสูง เหมาะสำหรับกันแดดสูตรอ่อนโยน ผิวแพ้ง่ายใช้ได้ รวมไปถึงผิวเด็ก มีคุณสมบัติที่ทั้งสามารถสะท้อน และดูดกลืนรังสีได้ดี ครอบคลุมทั้ง UVA และ UVB ไม่สามารถซึมเข้าสู่ชั้นผิวได้ ขนาดอนุภาคที่ต่างกันมีผลต่อผิว ขนาดอนุภาคไมโครหรือใหญ่กว่าจะให้ผิวหน้าดูขาวสว่างกว่าขนาดนาโน นิยมใช้ในกันแดดที่ปรับสีผิวให้ขาวขึ้น และขนาดอนุภาคนาโนจะมีผลต่อสีผิวน้อยหรือไม่มีเลย ปกปิดสีผิวไม่ได้ นิยมใช้ในกันแดดที่บางเบา เน้นผิวธรรมชาติ นอกจากนี้สารกันแดดชนิดนี้ยังไม่ละลายน้ำและตกตะกอนลงสู่กันทะเลได้อย่างปลอดภัย

สารกันแดดเคมีคอล (Chemical Sunscreen): Octinoxate, Octocrylene, Octisalate และEthylhexyl Triazone

     สารกันแดดเคมี มีคุณสมบัติดูดซับรังสียูวีได้ดี โดยดูดซับรังสียูวีเข้ามาในตัวสารกันแดดที่เคลือบอยู่บนผิวหนัง จากนั้นสารกันแดดจะเปลี่ยนรังสียูวีให้กลายเป็นความร้อน ทำให้ผิวหนังไม่ได้รับรังสียูวีโดยตรง สารกันแดดเคมีบางตัวเลยมีคุณสมบัติที่ช่วยกันน้ำด้วยเช่นกัน ส่วนใหญ่ของสารกันแดดประเภทนี้จะป้องกันรังสีได้เพียงอย่างเดียวอาจจะเป็น UVA หรือ UVB และจะให้ค่า SPF ที่สูงกว่าเมื่อใช้สารกันแดดหลายตัวเสริมประสิทธิภาพให้กันและกัน พร้อมเพิ่มความเสถียรให้ครีมกันแดดมากขึ้น ในครีมกันแดดจึงใช้สารกันแดดหลายตัวเพื่อเสริมประสิทธิภาพการป้องกันแสงแดดให้ครอบคลุม 

สารกันแดดไฮบริด (Hybrid Sunscreen): Bisoctrizole และ Tris-Biphenyl Triazine

     สารกันแดดไฮบริดรวมลักษณะของกันแดดที่เป็นอินทรีย์ (Organic) และอนินทรีย์ (Inorganic) เข้าไว้ด้วยกัน ปกป้องรังสียูวีได้กว้างทั้ง UVA และ UVB (Broad Spectrum) โดยใช้เทคโนโลยี micro-fine organic particle ให้สารกันแดดมีความเสถียร ทำงานแบบ Triple Action ดูดซับ สะท้อน และกระเจิงแสง  ทำหน้าที่ได้ดีทั้งกันแดดเบสน้ำและเบสน้ำมัน ให้ประสิทธิภาพการปกป้องสูงที่ความเข้มข้นต่ำ อ่อนโยนกับผิวเด็กและผิวบอบบาง ไม่ปกปิดสีผิว ให้ผิวดูเป็นธรรมชาติ

ประโยชน์: 
ปกป้องผิวจากรังสียูวี
ปกป้องผิวแก่ก่อนวัย
ลดความเสี่ยงมะเร็งผิวหนัง
สีผิวสม่ำเสมอ ไม่หมองคล้ำ

สูตรแนะนำ: 
UV DEFENSE DRY TOUCH SPF50+ PA++++ กันแดดบางเบา คุมมัน กันน้ำ ทา 2 ข้อนิ้ว ไม่วอก ไม่ลอย เข้ากับทุกสีผิว

HYBRID SILKY BEIGE SUNSCREEN SPF50+ PA++++ กันแดดใยไหม คุมมัน กันน้ำ ปรับโทนผิวขาวขึ้น 1 ระดับ

COOL SUN BODY SERUM SPF50+ PA++++ กันแดดผิวกาย สูตรเย็น คลายร้อน พร้อมปกป้องผิวไม่ให้หมองคล้ำ

เรตินอยด์ (Retinoids) เป็นกลุ่มอนุพันธ์ของวิตามินเอ ในกลุ่มจะมีทั้งหมด 6 ตัว ได้แก่

1.เรติโนอิกเอสเทอร์ (Retinoic Ester)
2.เรตินอล (Retinol)
3.เรตินอลเอสเทอร์ (Retinol Ester)
4.เรติโนอิก-เรตินอลเอสเทอร์ (Retinoic-Retinol Ester)
5.เรตินาล (Retinal)
6.กรดเรติโนอิก (Retinoic Acid)

 

กรดเรติโนอิกหรือที่รู้จักกันในชื่อเตรทติโนอิน (Tretinoin) เป็นยาเพียงตัวเดียว และเป็นรูปแบบที่ออกฤทธิ์ของวิตามินเอ ซึ่งเห็นผลในเรื่องการชะลอวัย ต่อต้านความแก่ของผิว ปรับสภาพผิวหน้าที่ถูกทำร้ายจากรังสียูวี มีข้อเสียคือมีความระคายเคืองต่อผิวมากกว่าอนุพันธ์วิตามินเอตัวอื่นๆ ในทางเครื่องสำอางไม่สามารถใช้กรดเรติโนอิกได้ จึงใช้อนุพันธ์วิตามินเอตัวอื่นแทน ซึ่งมีประสิทธิภาพรองลงมาและมีความระคายเคืองต่อผิวน้อยลง โดยผิวจะเปลี่ยนอนุพันธ์วิตามินเอให้อยู่ในรูปกรดเรติโนอิกถึงจะสามารถทำงานได้ และยิ่งมีขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงมาก ประสิทธิภาพและความเสถียรก็ยิ่งลดลง

Note: อนุพันธ์วิตามินเอทุกรูปแบบมีความไวต่อแสง (Photoactive) ก่อให้เกิดความเป็นพิษเมื่อถูกกระตุ้นด้วยแสง (Phototoxicity) ซึ่งอนุพันธ์วิตามินเอสามารถดูดซับพลังงานจากแสง และพลังงานที่ดูดซับเข้ามาจะก่อให้เกิดความเป็นพิษ เช่น เกิดการสร้างอนุมูลอิสระขึ้น ผิวเกิดการระคายเคือง ดังนั้นการใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของอนุพันธ์วิตามินเอต้องใช้ในช่วงที่ไม่มีแสง หรือช่วงกลางคืนเท่านั้น


เรติโนอิกเอสเทอร์ (Retinoic Ester)


Hydroxypinacolone Retinoate (HPR) อนุพันธ์วิตามินเอรูปแบบ Retinoic Ester ผสานระหว่างกรดเรติโนอิกและโมเลกุลพินาคอล (Pinacol) ความพิเศษคือไม่จำเป็นต้องผ่านขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงเป็นกรดเรติโนอิก สามารถซึมเข้าสู่ผิวแล้วทำงานได้เลยอย่างเต็มประสิทธิภาพ มีประสิทธิภาพสูงกว่าเรตินอลแต่ระคายเคืองน้อยกว่า และมีความเสถียรมากที่สุดในเรตินอยด์ ผิวบอบบางใช้ได้

เรตินอล (Retinol:ROL)

เรตินอลเป็นสารออกฤทธิ์ต่อต้านริ้วรอยเป็นที่รู้จักและมีงานวิจัยรองรับเป็นอย่างดี ช่วยลดริ้วรอยที่เกิดจากอายุที่มากขึ้นและริ้วรอยที่มาจากความเครียดภายนอก เพิ่มชั้นผิวให้หนาขึ้น ชะลอการสลายตัวของคอลลาเจนและสร้างขึ้นมาใหม่ เรตินอลเป็นที่นิยมมากที่สุดในกลุ่มเรตินอยด์ ให้ผลใกล้เคียงกับกรดเรติโนอิก แต่ระคายเคืองน้อยกว่า ในผู้ใช้บางรายอาจจมีผื่นแดงเล็กน้อยเกิดขึ้นระหว่างการใช้ สามารถชะลอการเสื่อมสภาพของเรตินอลได้ด้วยการห่อหุ้ม (Encapsulation) เป็นการเพิ่มความเสถียรให้เรตินอลและนำส่งเข้าสู่ผิวได้อย่างตรงจุด

เรตินาล (Retinal:RAL)

เรตินาลดีไฮด์ หรือเรตินาล มีประสิทธิภาพเกือบเทียบเท่ากรดเรติโนอิกในเรื่องการลดรอยเหี่ยวย่นและความหยาบกร้านของผิว โดยมีการระคายเคืองที่ต่ำกว่า ใช้ขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงแค่ 1 ขั้นก็สามารถออกฤทธิ์ได้เลย ยังมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรีย จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผิวมันหรือผิวที่เป็นสิวง่าย ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนและกระจ่างใส เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว ปกป้องผิวจากการทำลายของอนุมูลอิสระ เพิ่มความชุ่มชื้นของผิว

เรตินอลเอสเทอร์ (Retinol Ester)

เรตินอลเอสเทอร์ หรือ เรตินิลเอสเทอร์ (Retinyl Ester) เป็นเรตินอยด์ขั้นสุดท้าย ต้องใช้การเปลี่ยนแปลงถึง 3 ขั้น เช่น เรตินิลปาล์มิเตท (Retinyl Palmitate) ได้จากเรตินอลและกรดปาล์มิติก ช่วยต่อต้านริ้วรอยได้บ้างค่อนข้างเห็นผลลัพธ์ได้น้อย แต่มีข้อดีคือระคายเคืองน้อยมาก

เรติโนอิก-เรตินอลเอสเทอร์ (Retinoic-Retinol Ester)

อนุพันธ์วิตามินเอชนิดเรตินิล เรติโนเอท (Retinyl Retinoate) เป็นเอสเทอร์ของกรดเรติโนอิกและเรตินอล เปลี่ยนเป็นกรดเรติโนอิกได้ในขั้นตอนเดียวและแตกตัวออกเป็นเรตินอลเพิ่มเติม มีประสิทธิภาพมากกว่าเรตินอล มีความเสถียรสูง และระคายเคืองผิวต่ำกว่าเรตินอล เพิ่มการผลิตกรดไฮยาลูโรนิกในผิวหนัง

ประโยชน์: 
ลดขนาดริ้วรอยล่องลึก ป้องกันริ้วรอยเกิดใหม่
ผิวกระจ่างใส เรียบเนียน ดูอ่อนเยาว์
ลดจุดบกพร่องที่มีสาเหตุจากรังสียูวี (UV Spots)
ลดเลือนริ้วรอย ฟื้นคืนความอ่อนเยาว์

ข้อเสีย: ทุกรูปแบบจะเสื่อมสภาพได้ง่ายเมื่อสัมผัสกับแสงและอากาศ เก็บในภาชนะทึบแสง 

Tip: เรตินอยด์มีผลข้างเคียงคือทำให้เกิดอาการแดงและระคายเคืองได้ในบางคน สำหรับผู้เริ่มต้นใช้เรตินอยด์ แนะนำที่ความเข้มข้นต่ำก่อนแล้วค่อยๆ เพิ่มความเข้มข้นขึ้น ใช้ในช่วงกลางคืน

     อนุมูลอิสระ (Free Radicals) ตัวร้ายของผิว เป็นโมเลกุลที่ไม่เสถียร ชอบทำลายเซลล์ คอลลาเจน และอิลาสติน หากในร่างกายมีมากเกินไปจนเกิดสภาวะความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน (Oxidative Stress) จะก่อให้ผลเสียต่อร่างกายได้ เช่น แก่ก่อนวัย ผิวหย่อนคล้อย เกิดริ้วรอย ผมหงอก ผมร่วง เสี่ยงเป็นมะเร็ง และอนุมูลอิสระยังไปขัดขวางกระบวนการซ่อมแซมผิวและกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ปกติร่างกายมีการสร้างอนุมูลอิสระและสารต้านอนุมูลอิสระอย่างต่อเนื่องเป็นปกติและมีความสมดุล หากอนุมูลอิสระอยู่ในระดับปกติก็มีหน้าที่สำคัญต่อสุขภาพ คือ ต่อสู้กับการติดเชื้อ ดังนั้นร่างกายจึงต้องรักษาสมดุลของอนุมูลอิสระและสารต้านอนุมูลอิสระ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีสิ่งที่กระตุ้นให้ร่างกายผลิตอนุมูลอิสระมากเกิดไป เช่น อายุที่มากขึ้น มลพิษทางอากาศ ควันบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ สารพิษ รังสียูวี การติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา หรือไวรัส เป็นต้น

สารต้านอนุมูลอิสระหรือสารกำจัดอนุมูลอิสระ (Antioxidants) คือโมเลกุลที่ต่อสู้กับอนุมูลอิสระในร่างกาย เป็นสารที่สามารถป้องกันหรือชะลอความเสียหายต่อเซลล์ที่เกิดจากอนุมูลอิสระ เป็นฮีโร่ช่วบกอบกู้ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ให้ผิวแข็งแรงและอ่อนเยาว์ ช่วยชะลอความชราของผิว ต้านการอักเสบ ช่วยให้ผิวกระชับขึ้น ชุ่มชื้นมากขึ้น ผิวมีความยืดหยุ่น ปรับสีผิวให้กระจ่างใส ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะต้องรอถึง 30 วัน เห็นผลช้ากว่ากลุ่มเรตินอยด์

 

วิตามินซีและอนุพันธ์วิตามินซี (Ascorbic Acid and Vitamin C Derivative)
เช่น L-Ascorbic Acid, Ascorbyl Palmitate, Sodium Ascorbyl Phosphate, Magnesium Ascorbyl Phosphate และ Caprylyl 2-Glyceryl Ascorbate

วิตามินซีเป็นที่ชื่นชอบในหมู่แพทย์ผิวหนัง เป็นหนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระที่ได้รับการวิจัยและศึกษามากที่สุด ในฐานะตัวกำจัดอนุมูลอิสระวิตามินซีมีประโยชน์ต่อผิวมากมาย เช่น กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนซึ่งทำให้ผิวกระชับขึ้น และช่วยยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสซึ่งเป็นเอนไซม์ที่กระตุ้นการผลิตเมลานิน ช่วยให้จุดด่างดำจางลง ผิวหน้ากระจ่างใส เรียบเนียน 

Tips: เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดควรใช้ในตอนเช้า และต้องทาครีมกันแดดด้วยเสมอ

วิตามินบี3 (Niacinamide)

วิตามินบี3 หรือที่รู้จักในชื่อ Niacinamide เรียกอีกอย่างว่า Nicotinamide อยู่ในรูปแบบที่ออกฤทธิ์ (Active from) ของ Niacin หนึ่งในวิตามินที่ร่างกายและผิวของเราต้องการแต่ไม่สามารถผลิตเองได้ต้องอาศัยจากภายนอกเท่านั้น เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ ยับยั้งการถ่ายโอนเมลาโนโซมช่วยให้ผิวกระจ่างใส ยับยั้งต่อมไขมันที่ผลิตน้ำมันมากเกินไป ช่วยลดสิว รูขุมขนกระชับ ช่วยลดริ้วรอย ป้องกันการอักเสบ เสริมเกราะป้องกันผิว ช่วยลดรอยแดง และยับยั้งการเกิดอนุมูลอิสระที่มาจาก PM2.5 ได้

เรสเวอราทรอล (Resveratrol)

เรสเวอราทรอลเป็นที่รู้จักในฐานะ "โมเลกุลอายุยืน" มาจากความสามารถในการต่อต้านริ้วรอยที่น่าประทับใจ ส่วนใหญ่พบเรสเวอราทรอลในเปลือกของผลไม้ เช่น องุ่นและเบอร์รี่ เรสเวอราทรอลทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันของพืช ส่วนในสกินแคร์ทำหน้าที่ซ่อมแซมผิว มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ปลอบประโลมผิว ชะลอความชราของผิว 

Tips: ควรใช้ตอนเย็น เนื่องจากรังสียูวีจะขัดขวางประสิทธิภาพการทำงานของเรสเวอราทรอล

วิตามินอี (Tocopherol)
เช่น Tocopheryl Acetate, DL-Alpha Tocopherol, Tocotrienols และ Tocopheryl Succinate

     วิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางด้านการเร่งกระบวนการสมานผิว มักพบในมอยส์เจอร์ไรเซอร์ ครีม และโลชั่นสูตรเฉพาะสำหรับผิวแห้ง รวมถึงสกินแคร์ที่ออกแบบมาเพื่อลดรอยแตกลาย สามารถปกป้องผิวจากริ้วรอยที่เกิดขึ้นก่อนเวลาอันควร (Premature Aging) ช่วยชะลอวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิตามินอียังช่วยรักษาเสถียรภาพของสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ และเสริมประสิทธิภาพ ดังนั้นมักจะพบว่าวิตามินอีจับคู่กับวิตามินซีหรือเรสเวอราทรอล

ประโยชน์: 
ต่อสู้กับความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ
ลดขนาดริ้วรอยให้เล็กลง
ผิวเรียบเนียน ดูอ่อนเยาว์
ปรับเม็ดสีให้จางลง ผิวกระจ่างใส
ต่อต้านการอักเสบ

สูตรแนะนำ: 

CRYSTAL WHITE EMULSION IN CREAM ครีมอัดแน่นด้วยสารให้ความกระจ่างใส ผิวคล้ำแค่ไหนก็ฟื้นกลับมาได้
EYE CREAM COLLAGEN VIT.E ครีมตา เปื่ยมด้วยคุณค่ามอยเจอร์ไรเซอร์เข้มข้น ใต้ตาคล้ำแค่ไหนก็เอาอยู่
ANTIOXIDANT RED APPLE 9% ESSENCE เอสเซนส์ปลอบประโลมผิวที่อ่อนล้าให้สดใส ผิวดูอ่อนเยาว์

     หนึ่งในสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดของความร่วงโรยของผิวคือรอยย่นบนใบหน้าที่เพิ่มขึ้น เกิดจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น การแสดงออกทางสีหน้า การใช้ชีวิตประจำวัน เป็นต้น การรักษาสมดุลนาฬิกาผิวคือการรักษาสมดุลการสังเคราะห์และย่อยสลายของโปรตีน มี 2 วิธี 1.ควบคุมการหมุนเวียนของคอลลาเจน 2.ปรับสภาพผิวให้กระชับชั่วคราวช่วยให้ริ้วรอยเล็กๆ ลดลง จนปี 1973 ได้มีการนำเปปไทด์เข้ามาใช้กับเวชสำอางและผลตอบรับจากผู้ใช้ออกมาดีมาก ช่วยให้ผิวหน้าตึงกระชับดูอ่อนเยาว์ ผิวเรียบเนียน

เปปไทด์ประกอบด้วยสายโซ่สั้นๆ ของกรดอะมิโน มีส่วนประกอบของโปรตีน ช่วยให้ผิวแข็งแรงและมีความยืดหยุ่น แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก 

1.เปปไทด์ยับยั้งสารสื่อประสาท (Neurotransmitter Inhibitors Peptides)
2.เปปไทด์นำส่ง (Carriers Peptides)
3.เปปไทด์ส่งสัญญาณ (Signal Peptides)

เปปไทด์ยับยั้งสารสื่อประสาท (Neurotransmitter Inhibitors Peptides)

Acetylcholine (ACh) เป็นสารสื่อประสาทหลักที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการนี้ มันจะจับกับตัวรับที่เหมาะสมและทำให้เกิดตะคริวที่กล้ามเนื้อ ทำงานคล้ายกับ Botulinum toxins (Botox) ช่วยลดริ้วรอยลงอย่างเห็นได้ชัด ผิวหน้าดูตึงกระชับ เรียบเนียน ปลอดภัยและไม่เป็นพิษ

Acetyl Hexapeptide-3 และAcetyl Hexapeptide-8 ทำงานคล้าย Botox ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้นและริ้วรอยลดลง
Pentapeptide-3 ออกฤทธิ์คล้ายพิษงู ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ความหยาบกร้านของผิวลดลง
Pentapeptide-18 ช่วยลดริ้วรอย ให้ผิวกระจ่างใส ทำงานร่วมกับ Acetyl Hexapeptide-3 ได้ดี
Tripeptide-3 ออกฤทธิ์คล้ายพิษงู ลดริ้วรอยได้ถึง 50% ในเวลา 28 วัน
Acetyl Glutamyl Heptapeptide-3 ช่วยลดรอยเหี่ยวย่น

เปปไทด์นำส่ง (Carriers Peptides)

เปปไทด์ประเภทนี้จะช่วยนำส่งสารสำคัญ เช่น แมงกานีส (Mn) และทองแดง (Cu) เข้าสู่ผิว เนื่องจากมีความไม่เสถียรจึงต้องใช้เปปไทด์เพิ่มความเสถียรและนำส่งเข้าสู่เซลล์ผิวได้อย่างตรงจุด ช่วยลดเลือนรอยแผลเป็น นอกจากนี้ยังลดการทำงานของเอนไซม์ที่ย่อยสลายคอลลาเจน เพื่อป้องกันผิวแก่ก่อนวัย

Copper Tripeptide-1 ช่วยลดเลือนแผลเป็น หลุมสิวตื้นขึ้น ผิวกระจ่างใส
Manganese Tripeptide-1 ลดเลือนริ้วรอย ผิวกระจ่างใส

เปปไทด์ส่งสัญญาณ (Signal Peptides)

เป็นเปปไทด์ที่สามารถปรับการหมุนเวียนของโปรตีนในผิวได้ ซึ่งส่วนใหญ่เพิ่มการผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินโดยการส่งสัญญาณหรือเลียนแบบสัญญาณที่สังเคราะห์โปรตีน ให้ผิวดูเรียบเนียน อ่อนเยาว์

Palmitoyl Hexapeptide-12 กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ต่อต้านริ้วรอย
Palmitoyl Pentapeptide-4 นำคอลลาเจนกลับมาใช้ซ้ำ ช่วยให้ริ้วรอยลดลง
Palmitoyl Tripeptide-1 เพิ่มการผลิตคอลลาเจนและไกลโคซามิโนไกลแคน (GAG) บำรุงและฟื้นฟูผิว ลดริ้วรอยล่องลึก
Palmitoyl Tripeptide-5 กระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจน ยับยั้งการย่อยสลายของคอลลาเจน ช่วยให้ผิวกระชับและยืดหยุ่น
Oligopeptide-1 กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน สร้างเซลล์ผิวใหม่ ช่วยให้หลุมสิวตื้นขึ้น ต่อต้านริ้วรอยแห่งวัย

ประโยชน์ : 
เพิ่มการผลิตคอลลาเจนและอิลาสติน
ต่อต้านริ้วรอย ผิวเรียบเนียน อ่อนเยาว์
ผิวตึงกระชับ ยืดหยุ่น
ผิวกระจ่างใส

 

จบไปแล้วกับเนื้อหาแบบจุกๆ อัดแน่นด้วยความรู้ ข้อมูลแน่นขนาดนี้ไม่ต้องกลัวผิวมีริ้วรอย สนใจสร้างแบรนด์ ปรึกษาเลย!

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้